รายงานผลการประชุมคณะทำงานบริหารและพัฒนาเทคนิคเว็บไซต์(กลุ่ม1)
ศึกษามาตรฐานเดิมและมาตรฐานของ W3C
และออกแบบมาตรฐานเว็บ
วันที่ศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2548
ห้องประชุม ประจิม 4(4A)
เวลา 10.30-12.00 น.
มีผู้เข้าร่วมประชุมดังนี้
ลำดับ ชื่อ-นามสกุล ฝ่าย
1. นายราชบดินทร์ สุวรรณคัณฑิ
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณ(RDC)
2. นายบุญเลิศ อรุณพิบูลย์ โครงการพัฒนาบุคลากรไอซีที (HRC)
3. นายปัญจพร ทิพย์พิริยพงศ์ โครงการพัฒนาบุคลากรไอซีที (HRC)
4. นายบุญเกียรติ เจตจำนงนุช โครงการพัฒนาบุคลากรไอซีที (HRC)
5. นายไมตรี คงเรือง
โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ(ASTEC)
6. นายน้ำหนึ่ง มิตรสมาน โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ(ASTEC)
7. นายเอกฉันท์ รัตนเลิศนุสรณ์
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศภาครัฐ(GITI)
8. นายหัสฎา ผิวขาว ่งานบริการระบบสารสนเทศ(ISS)
9. นายกฤดากร หิรัญพฤกษ์ โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความมั่นคง(INS))
10. นางวชิราพร ปัญญาพินิจนุกูร ฝ่ายพัฒนานโยบายและกฏหมาย(PLD)
11. นางสาววัชชิรา บูรณสิงห์
ฝ่ายบริหารสำนักงาน(OMD)
12. นางสาวกนกพร เสลานอก ฝ่ายบริหารสำนักงาน(OMD)
ศึกษามาตรฐานเดิมและมาตรฐานของ W3C และออกแบบมาตรฐานเว็บ
คุณราชบดินทร์ ได้รายงานถึงร่างมาตรฐานการพัฒนาเว็บไซต์ ตั้งแต่ปี 2539,2541,2542จนถึง2545(version 1.0b,1พฤษภาคม 2545) ซึ่งทางคณะทำงานฯ ได้นำมาพิจารณาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการออกแบบมาตรฐานเว็บไซต์

ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 มาตรฐาน ดังนี้
1.มาตรฐานทางด้านเนื้อหา
2.มาตรฐานทางด้านรูปแบบของการนำเสนอและการแสดงผลภาษาไทย
3.มาตรฐานทางด้านเทคนิค

คุณวชิราพร นำรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงในมุมมองของคนพิการทางการเห็นและผู้พัฒนาเว็บไซต์อินเทอร์เน็ต และได้อธิบายบทสรุปจากเสียงสะท้อนของผู้ใช้บริการ และคณะทำงานได้นำมาประกอบการพิจารณา ในการออกแบบมาตรฐานเว็บไซต์ (สามารถดูรายละเอียดได้ตามเอกสารแนบ)
จากมาตรฐาน (version 1.0b,1พฤษภาคม 2545) คณะทำงานมีความเห็นเกี่ยวกับมาตรฐาน ดังนี้

1.มาตรฐานทางด้านเนื้อหา
ข้อกำหนด
หน่วยงานต่างๆ ภายในศูนย์ฯ จะต้องนำเสนอเนื้อหาขั้นต่ำดังต่อไปนี้
1.เกี่ยวกับหน่วยงาน (About us) เป็นส่วนที่นำเสนอข้อมูลแนะนำหน่วยงานนั้นๆ
2.โครงสร้างหน่วยงาน (Organization Structure, Staff Directory) เป็นส่วนที่แนะนำโครงสร้างของหน่วยงานนั้นๆ ว่าแบ่งออกเป็นกี่ระดับ มีใครบ้าง โดยนำเสนอทั้งชื่อ อีเมลล์ และเบอร์โทรติดต่อ
3.โครงการสำคัญ เป็นส่วนที่นำเสนอโครงการต่างๆ ของหน่วยงานนั้น ทั้งโครงการที่ได้ดำเนินการอยู่ และโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว
4.Site Map เป็นส่วนที่นำเสนอโครงสร้างของเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น
5.Contact us เป็นส่วนที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดต่อกับหน่วยงานนั้น โดยมีที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์หน่วยงาน อีเมลล์

คำแนะนำ
หน่วยงานต่างๆ ภายในศูนย์ฯ ควรจะนำเสนอข้อมูลดังต่อไปนี้
1.กิจกรรม สัมมนา เป็นส่วนที่นำเสนอปฏิทินกิจกรรมโดยสามารถสืบค้นกิจกรรมที่เคยดำเนินการผ่านมาแล้ว กิจกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ และกิจกรรมที่กำลังจะดำเนินการ

ที่ประชุมมีมติให้ทำการเปลี่ยนแปลงดังนี้

- คณะทำงานฯ มีความเห็นว่า จะยังคงมาตรฐานเดิมอยู่
- เพิ่มคำอธิบายว่าคำว่า หน่วยงาน คืออะไร ครอบคลุมอะไรบ้าง

2.มาตรฐานทางด้านรูปแบบของการนำเสนอและการแสดงผลภาษาไทย
ข้อกำหนด
หน่วยงานต่างๆ จะต้องนำเสนอข้อมูลโดยมีรูปแบบของการนำเสนอข้อมูล และการแสดงผลภาษาไทยดังต่อไปนี้
  1. ในการนำเสนอข้อมูลในแต่ละหน้า จะต้องมีการจัดทำ Header และ Footer ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
    Header จะต้องประกอบด้วย โลโก้ขององค์กรที่จะลิงค์กลับไปที่หน้าแรกขององค์กร, ชื่อหรือโลโก้ของหน่วยงานที่จะลิงค์ไปที่หน้าแรกของหน่วยงาน, แบนเนอร์สำหรับการประชาสัมพันธ์, เมนูหลักของเว็บไซต์
    Footer จะต้องประกอบไปด้วยข้อความสงวนลิขสิทธิ์ (Copyright) ในการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้
  2. สำหรับเอกสารภาษาไทย การใช้เครื่องหมายวรรคตอนจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
    นขลิขิต หรือวงเล็บ (…) วงเล็บเหลี่ยม […] และวงเล็บปีกกา {…} ควรเคาะแป้นเคาะวรรค เพื่อเว้นวรรค 1 ครั้งก่อนเปิดวงเล็บ และอีก 1 ครั้งหลังปิดวงเล็บ ส่วนข้อความภายในวงเล็บจะต้องติดกับเครื่องหมายวงเล็บเปิดและปิด ตัวอย่างเช่น xxx (yyy) xxx, xxx [yyy] xxx, xxx {yyy} xxx
    อัญประกาศหรือเครื่องหมายคำพูด “…” และอัญประกาศเดี่ยว ‘…’ ควรเคาะแป้นเคาะวรรค เพื่อเว้นวรรค 1ครั้ง ก่อนเปิดเครื่องหมายคำพูด และอีก 1 ครั้งหลังปิดเครื่องหมายคำพูด ส่วนข้อความภายในเครื่องหมายคำพูดจะต้องติดกับเครื่องหมายคำพูดเปิดและปิด ตัวอย่างเช่น xxx “yyy” xxx
    ไม้ยมก ๆ ต้องอยู่ติดกับข้อความหน้าเครื่องหมายไม้ยมก ส่วนข้อความที่อยู่หลังเครื่องหมายไม้ยมกอาจเคาะแป้นเคาะวรรค เพื่อเว้นวรรค 1 ครั้ง หรือไม่เว้นวรรคเลยแล้วแต่กรณี ตัวอย่างเช่น xxxๆ yyy หรือ xxxๆyyy
    ไปยาลน้อย ฯ จุลภาคหรือจุดลูกน้ำ , ทวิภาคหรือจุดคู่ : อัฒภาคหรือจุดครึ่ง ; อัศเจรีย์หรือเครื่องหมายตกใจ ! ปรัศนีหรือเครื่องหมายคำถาม ? และวิภัชภาคหรืออภัชภาค :- ต้องอยู่ติดกับข้อความที่อยู่ก่อนหน้าเครื่องหมายเหล่านี้ ส่วนข้อความที่อยู่ตามหลังเครื่องหมายเหล่านี้ จะต้องเคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้งหรือ 2 ครั้ง ตัวอย่างเช่น xxxฯ yyy หรือ xxx, yyy หรือ xxx: yyy หรือ xxx; yyy หรือ xxx! yyy หรือ xxx? yyy หรือ xxx:- yyy ยกเว้นการใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่นตัวเลขทุกสามหลัก ในจำนวนที่ประกอบด้วยตัวเลขตั้งแต่สี่หลักขึ้นไป ตัวอย่างเช่น 1,000 1,000,000
    ไปยาลใหญ่ ฯลฯ ควรเคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้ง หน้าเครื่องหมายไปยาลใหญ่ ส่วนใหญ่เครื่องหมายนี้จะแสดงท้ายประโยค ดังนั้นก่อนขึ้นประโยคใหม่ จึงต้องเคาะแป้นเคาะวรรค 2 ครั้งหลังเครื่องหมายไปยาลใหญ่ ตัวอย่างเช่น xxx ฯลฯ yyy
    มหัพภาค . ควรอยู่ติดข้อความที่อยู่หน้าเครื่องหมายมหัพภาค และเคาะแป้นเคาะวรรค 2 ครั้งหลังเครื่องหมายมหัพภาค ตัวอย่างเช่น xxx. yyy ยกเว้นการใช้เครื่องหมายมหัพภาคเป็นจุดทศนิยมหรือประกอบชื่อของเว็บไซต์ หรือส่วนหนึ่งของที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต ห้ามมีวรรคก่อนหรือหลังเครื่องหมายมหัพภาค ตัวอย่างเช่น www.nectec.or.th, webmaster@nectec.or.th ถ้าข้อความนั้นมีการใส่เครื่องหมายอัญประกาศหรือเครื่องหมายวงเล็บ ให้ใส่เครื่องหมายมหัพภาคไว้ติดกับเครื่องหมายอัญประกาศหรือเครื่องหมายวงเล็บ ตัวอย่างเช่น xxx (yyy). หรือ xxx “yyy”.
    ไข่ปลาหรือจุดไข่ปลา … ประกอบด้วยจุด 3 จุดเรียงติดกัน ไม่เว้นวรรคทั้งหน้าและหลังเครื่องหมาย และอาจอยู่ท้ายประโยคได้ ตัวอย่างเช่น xxx…yyy หรือ xxx… ในกรณีพิเศษที่เป็นชื่อร่างกฎหมายต่างๆ ซึ่งมักจะระบุช่องว่างหลังปีพุทธศักราช ให้เคาะแป้นเคาะวรรคหลังจุดของปีพุทธศักราช 1 ครั้ง ก่อนใส่เครื่องหมายไข่ปลา ตัวอย่างเช่น พ.ศ. …
    เสมอภาค = ควรเคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้งหรือมากกว่า 1 ครั้ง ก่อนและหลังเครื่องหมายเสมอภาค ขึ้นอยู่กับความสวยงาม ตัวอย่างเช่น 1+1 = 2
    ทับ / ไม่เว้นวรรคทั้งหน้าและหลังเครื่องหมาย ตัวอย่างเช่น วว 5204/ว.1022
  3. การใช้อักขระพิเศษอื่นๆ สำหรับเอกสารภาษาไทย จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
    เปอร์เซ็นต์ % และดอกจันทร์ * ให้อยู่ติดกับข้อความหน้าเครื่องหมายทั้งสองนี้ ส่วนหลังเครื่องหมายให้เคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้ง แล้วตามด้วยข้อความ แต่ถ้าเป็นตำแหน่งจบประโยค ให้เคาะแป้นเคาะวรรค 2 ครั้ง ตัวอย่างเช่น xxx% yyy หรือ xxx* yyy
    เครื่องหมาย @ # และ $ ให้เคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้งก่อนเครื่องหมาย ส่วนหลังเครื่องหมายไม่ต้องเคาะแป้นเคาะวรรค ตัวอย่างเช่น xxx @yyy หรือ xxx #yyy หรือ xxx $yyy ยกเว้นกรณีที่เป็นที่อยู่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะไม่มีการเว้นวรรค ตัวอย่างเช่น webmaster@nectec.or.th
    เครื่องหมาย – เมื่อใช้แทนคำว่าถึงไม่ต้องเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังเครื่องหมาย ตัวอย่างเช่น 22-25 มิถุนายน พ.ศ.2543 แต่ถ้าใช้แทนสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ และต้องการแสดงความชัดเจน ควรเคาะวรรค 1 ครั้งขึ้นไป ที่หน้าและหลังเครื่องหมาย ตัวอย่างเช่น 100 – 1,000
  4. การใช้อักขระไทยร่วมกับตัวเลข หรืออักขระในภาษาอื่น ให้เคาะแป้นเคาะวรรค 1 ครั้ง ก่อนและหลังตัวเลขหรืออักขระในภาษาอื่น ตัวอย่างเช่น กกก xxx กกก หรือ กกก 555 กกก
  5. ในเอกสารภาษาอังกฤษ ในการแสดงตัวเลขที่มีค่าน้อยกว่า 20 ควรจะใช้คำในภาษาอังกฤษแทนตัวเลขนั้น เช่น I bought 5 pens for 20 baht. ควรเขียนเป็น I bought five pens for 120 baht.
  6. ในเอกสารภาษาไทยจะต้องใช้ตัวเลขเป็นเลขไทย
คำแนะนำ
หน่วยงานต่างๆ ควรจะมีรูปแบบของการนำเสนอ และการแสดงผลภาษาไทยดังต่อไปนี้
1.การนำเสนอข้อมูลของเว็บไซต์ควรจะมีทั้งรูปแบบปกติ คือมีทั้งตัวอักษร รูปภาพ เสียง วิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว และรูปแบบที่มีเฉพาะตัวอักษรเท่านั้น (Text Only version) เพื่อความสะดวกสำหรับการเข้าถึงข้อมูลของผู้พิการ และควรจัดทำลิงค์สำหรับการเปลี่ยนระหว่างรูปแบบปกติ และรูปแบบข้อมูลเฉพาะตัวอักษรเอาไว้มุมบนด้านซ้ายของทุกๆ หน้า
2.ข้อมูลทุกส่วนของเว็บไซต์ ควรจะมีการนำเสนอทั้งหน้าเอกสารภาษาไทย และหน้าเอกสารภาษาอังกฤษ และควรจัดทำลิงค์สำหรับการเปลี่ยนระหว่างหน้าภาษาไทย และหน้าภาษาอังกฤษ และควรจัดวางตำแหน่งของลิงค์ไว้ในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจน

ที่ประชุมมีมติให้ทำการเปลี่ยนแปลงดังนี้
- คณะทำงานมีมติให้เปลี่ยนชื่อ จาก"มาตรฐานทางด้านรูปแบบของการนำเสนอและการแสดงผลภาษาไทย" เป็น "มาตรฐานทางด้านรูปแบบการใช้ภาษาบนเว็บ"
- คณะทำงานมีมติให้ย้ายข้อ1.ไปอยู่มาตรฐานด้านเนื้อหา
ข้อ5.ต้องถาม ดร.ทวีศักดิ์ ถึงเหตุผลที่ให้ใช้ตัวอักษรแทนตัวเลขที่มีค่าน้อยกว่า20
ย้ายข้อ6.ไปอยู่คำแนะนำ และเปลี่ยนจากคำว่า "จะต้องใช้" เป็น "ควรจะใช้"
- ตัดคำแนะนำข้อ1.
3.มาตรฐานทางด้านเทคนิค

-ข้อกำหนด

  1. จะต้องมีการกำหนดชื่อของเอกสารหน้านั้น ไว้ในส่วนของแท็ก <TITLE>...</TITLE> โดยชื่อที่กำหนดขึ้นมานี้ ควรใช้ภาษาอังกฤษ และอธิบายถึงภาพรวมของเว็บไซต์นั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เพราะชื่อของเอกสารที่เรากำหนดไว้นี้จะทำให้โปรแกรมเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล (Search Engine) สามารถตรวจพบ และเก็บชื่อที่เรากำหนดให้กับเอกสาร เข้าไว้ในระบบฐานข้อมูล เพื่อใช้เป็นคีย์เวิร์ด สำหรับการ ค้นหาเว็บไซต์ต่อไป
  2. นอกจากการกำหนดชื่อของเอกสารแล้ว เรายังควรกำหนดคีย์เวิร์ดให้กับเอกสารนั้น ๆ โดยการใช้แท็ก <META name="keywords" content="คีย์เวอร์ดสำหรับโฮมเพจ"> ตัวอย่างเช่น <META name=”keywords” content=”NECTEC, ECTI, Electronics, Computer, Telecommunication, Information”> ซึ่งคีย์เวิร์ดนี้จะเป็นข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง ที่โปรแกรมเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล (Search Engine) บางชนิด เก็บไปทำเป็นคีย์เวิร์ด สำหรับการค้นหาเว็บไซต์ ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้เอกสารของเราถูกตรวจพบโดยเว็บไซต์ ที่เป็น Search Engine หลายๆ ชนิด เราควรจะใส่ทั้งชื่อของเอกสาร และใส่คีย์เวิร์ดในแท็ก <META name="keywords" …>
  3. เอกสาร HTML ทุกหน้าจะต้องมีการกำหนดชุดของตัวอักษร (Character Set) โดยจะต้องกำหนดเป็นชุด TIS-620 ซึ่งการกำหนดชุดของตัวอักษรในเอกสารแต่ละหน้านั้นจะใช้รูปแบบเป็น <META http-equiv="Content-Type" content="text/html;charset=TIS-620">
  4. ในเอกสารที่จะนำขึ้นเผยแพร่ บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น จะต้องกำหนดชนิดของฟอนต์ที่ใช้ โดยการใช้แท็ก <font face="ชื่อของฟอนต์"> โดยเฉพาะเวปไซต์ที่มีการใช้ข้อมูลที่เป็นภาษาไทย จะต้องกำหนดชื่อฟอนต์ที่มีอยู่ในเครื่อง Macintosh และ PC พร้อมทั้งระบุขนาดที่เหมาะสมด้วย โดยในหน้าภาษาไทยควรจะกำหนดเป็น <font face="Angsana UPC, Thonburi" size=4> ส่วนหน้าภาษาอังกฤษควรจะกำหนดเป็น <font face=”Arial, Helvetica” size=2> ซึ่งในการใช้แท็ก <font face="..."> นั้น ให้เราระบุไว้ที่ตอนต้นของเอกสารครั้งเดียว ไม่ต้องเขียนหลายรอบ เพราะจะเป็นการเพิ่มขนาดของไฟล์เอกสาร HTML โดยไม่จำเป็น ยกเว้นเมื่อมีการใช้แท็ก <TABLE> จะต้องมีการระบุ <font face="..."> ไว้ ในทุกๆ หลังแท็ก <TD> และในกรณีที่มีการเปลี่ยนขนาดของฟอนต์ ไม่ต้องกำหนด <font face="..."> ให้ใช้แท็ก <font size="..."> ได้ทันที
  5. สำหรับการใช้งาน ข้อมูลประเภทรายการ หรือตารางในเอกสาร โดยการใช้แท็ก <OL>, <UL>, <DL> และ <TABLE> ไม่ควรจะใช้ซ้อนกันหลายชั้นเกินไป เพราะอาจจะเป็นผลทำให้ เอกสารนั้นกว้างเกินหน้าจอ ทำให้เกิดสกอล์บาร์ทางด้านล่าง ของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ ต้องทำการเลื่อนดูข้อมูล ที่ขาดหายไป และยังทำให้การพิมพ์เอกสารหน้านั้นออกมาทางเครื่องพิมพ์ ข้อความบางส่วนจะขาดหายไป (ส่วนที่เกินหน้าจอ)
  6. ในการเขียน HTML นั้น ควรจะเขียนโค๊ด ให้เป็นระเบียบ และมีคอมเมนต์ อธิบายไว้เป็นระยะ โดยความยาวของ HTML ในแต่ละบรรทัด ไม่ควรเกิน 80-90 ตัวอักษร เพื่อให้สามารถอ่านข้อมูล และปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย นอกจากนั้นการตัดคำภาษาไทยของเอกสารหน้านั้น ๆ ยังสามารถทำได้ อย่างถูกต้องอีกด้วย
  7. ขนาดของเอกสารแต่ละหน้า ควรจะมีขนาดที่ ไม่ใหญ่เกินไป โดยควรจะควบคุมให้มีขนาดไม่เกิน 150 กิโลไบต์ (จะใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีเมื่อใช้โมเด็มความเร็ว 56 Kbps) แต่ถ้าหากเอกสารหน้าใด มีขนาดข้อมูลรวมมากกว่า 150 กิโลไบต์ จะต้องเสียเวลาในการเคลื่อนย้ายข้อมูลมาก ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชมเกิดความเบื่อได้ ส่วนกรณีที่เป็นเอกสาร หรือบทความที่ยาว และมีภาพประกอบ ควรใช้ภาพประกอบขนาดเล็ก (thumbnail) และสามารถคลิ๊กที่ภาพเล็ก เพื่อแสดงภาพที่ใหญ่ขึ้นได้ หากเอกสารหน้าใด ที่จำเป็นต้อง มีขนาดรวมทุกไฟล์เกิน 150 กิโลไบต์ ต้องแน่ใจว่าเอกสารที่สร้างขึ้นนั้น จะสามารถดึงความสนใจ ของผู้เข้าชมได้ ในระหว่างที่มีการเคลื่อนย้ายข้อมูล และข้อมูลนั้นยังปรากฎบนหน้าจอไม่ครบถ้วน
  8. การนำภาพมาประกอบในเอกสาร โดยการใช้แท็ก <img ...> นั้น จะต้องกำหนดความกว้าง และความสูงที่ถูกต้อง ของภาพนั้นไว้ด้วยเสมอ เพราะจะทำให้ การจัดโครงร่างของเอกสาร ทำได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ ควรจะกำหนดแอทริบิวท์ ALT ไว้ภายในแท็ก <img ...> เพื่อแสดงข้อความอธิบายสำหรับเว็บบราวเซอร์บางชนิด ที่ไม่สามารถแสดงข้อมูลที่เป็นรูปภาพได้ และถ้ารอบๆ ตำแหน่งที่วางรูปภาพมีตัวอักษร เราควรจะกำหนดระยะห่างจากขอบของรูปทุกด้าน โดยการใช้แอทริบิวท์ VSPACE="ระยะห่างเป็นพิกเซล" HSPACE="ระยะห่างเป็นพิกเซล" และถ้ารูปนั้นเป็นตัวเชื่อมโยงไปยังเอกสารอื่น เราควรกำหนดความกว้างของกรอบ โดยใช้แอทริบิวท์ border="ความกว้างเป็นพิกเซล" เช่น<br><img alt="VIDEO" src=”http://www.nectec.or.th/graphics/video-56.gif” width=56 height=20 border=0 hspace=3 vspace=3>
  9. ในการตั้งชื่อแฟ้มข้อมูลและชื่อไดเรกทอรี่ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล จะต้องใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่ไม่ยาวเกินไปและสื่อความหมาย โดยนามสกุลของไฟล์เอกสาร HTML ควรจะเป็น .html และแฟ้มข้อมูลแรกที่ต้องการให้ผู้เข้าชมเห็นควรจะตั้งชื่อเป็น index.html ในทุกๆ ไดเรกทอรี่จะต้องมีไฟล์ชื่อนี้อยู่ด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ เห็นแฟ้มข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในไดเรกทอรี่นั้น เช่น ในไดเรกทอรี่ที่เก็บภาพควรจะสร้างไฟล์เปล่าๆ แล้วบันทึกไว้ในชื่อ index.html เพื่อไม่ให้ผู้เข้าชม มองเห็นรายชื่อของไฟล์ทั้งหมด ที่อยู่ในไดเรกทอรี่นี้
  10. ในระหว่างการพัฒนาโฮมเพจ ควรจะมีการทดสอบการแสดงผล โดยการใช้ โปรแกรมเว็บบราวเซอร์หลายๆ ชนิด เช่น
    โปรแกรม Netscape Navigator เวอร์ชั่น 4.x และ 6 บน PC
    โปรแกรม Internet Explorer เวอร์ชั่น 5 และ 6 บน PC
    โปรแกรม Netscape Navigator เวอร์ชั่น 4.x และ 6 บน Macintosh
    โปรแกรม Internet Explorer เวอร์ชั่น 5 และ 6 บน Macintosh
    ทุกบราวเซอร์ใหม่ๆ ที่สามารถทดสอบได้
  11. ควรทดสอบระยะเวลาที่ใช้ในการดูเว็บเพจ โดยทดสอบด้วยการใช้โมเด็มความเร็ว 14.4 kbps เนื่องจากผู้เข้าชมเวปเพจที่เราพัฒนาขึ้น อาจจะมาจากต่างสถานที่กัน ใช้โมเด็มความเร็วต่างกัน ผู้พัฒนาควรทดสอบการเข้าชมเว็บเพจ จากโมเด็มที่มีความเร็วที่ครอบคลุมถึงผู้ใช้ส่วนใหญ่
  12. ในการทดสอบการแสดงผล ควรทดสอบที่ความละเอียดของหน้าจออย่างต่ำ 800 x 600 จุด
ที่ประชุมมีมติให้ทำการเปลี่ยนแปลงดังนี้
-คำว่าเว็บไซต์ ให้สะกดเป็น "เว็บไซต์"
-ข้อ1.คำว่าควรใช้ภาษาอังกฤษ เปลี่ยนเป็นคำว่า "จะต้องใช้ภาษาอังกฤษ"
-ส่วนของ TITLE ต้องกำหนดหรือไม่ว่า MAXIMUM ไม่เกิน 54 ตัวอักษร โดยให้คุณราชบดินทร์ ปรึกษา
ดร.จุฬารัตน์ และ จากข้อ2. ควรมี key word เช่น Description,Robot หรือไม่
-ข้อ3.ให้ coding กำหนดเป็น TIS-620 ตั้งแต่เริ่มสร้าง
-ตัดข้อ 4.
-ข้อ5.ตารางให้มี caption บอก tag หัวตาราง ,Table ต้องไม่ซ้อนกันเกิน2ชั้น
-มาตรฐาน CSS ให้คุณราชบดินทร์ร่างมาตรฐาน CSS และคุยกันในการประชุมย่อยกลุ่ม1 ครั้งหน้าfont face ให้ใช้ Ms Sansarif,Microsoft,Thonburi ขนาด 12 px ทำใน CSS เป็น % font=2 CSS หรือ html ไม่ fix ขนาด fontควรกำหนด font face หรือไม่
-ตัดข้อ7.
-ข้อ8. เปลี่ยนคำว่า "ควรจะกำหนด" เป็น "ต้องกำหนด"
-ข้อ9. ย้ายไปคำแนะนำ และเพิ่ม "ตัวอักษรต้องเป็นตัวเล็กห้ามเว้นวรรค"
-ข้อ10. ย้ายไปคำแนะนำ และเพิ่ม FIRE FOX
-ข้อ11.ย้ายไปคำแนะนำ และเปลี่ยนจาก "ใช้โมเด็มความเร็ว 14.4 kbps เป็น 56 kbps

เรื่องการเพิ่ม รายชื่อคณะทำงาน
เพิ่ม
1.นางวชิราพร ปัญญาพินิจนุกูร ฝ่ายพัฒนานโยบายและกฏหมาย (PLD)

โดยฝ่ายเลขานุการ จะจัดทำบันทึกในการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงต่อไป
วาระการประชุมย่อยกลุ่ม1ครั้งต่อไป
-มาตรฐานการใช้ css
-Security ในการทำเว็บ
-มาตรฐานเว็บที่คนพิการเข้าถึง